Seminar : ZTAROT Part 2/3

หลังจากที่ผ่านในส่วนแรกที่เป็น Major มาแล้ว ในส่วนต่อมาเป็นเรื่องของไพ่ชุดเล็ก Minor โดยดูจากธาตุและตัวเลข ผสมกันจนได้ความหมาย ส่วน Court Card คือการผสมระหว่างฐานะและธาตุเข้าด้วยกัน (เรื่องธาตุไม่ค่อยขัดกัน ข้ามไปเลยก็แล้วกัน)

สิ่งที่น่าสนใจในหัวข้อนี้คือ

  • หมายเลข 1
    • สามารถแปลว่าความเป็นเอกภาพ หรือการเป็นโสดก็ได้เหมือนกัน
  • หมายเลข 2
    • คือการผสานกัน การรวมตัว ที่น่าสนใจและเป็นตัวอย่างที่ดีคือ ธาตุดิน หรือ 2 เหรียญ ด้วยความที่เป็นของแข็งทั้งคู่ การผสานเข้าหากันจึงน่าจะเป็นไปได้ยาก แต่ถ้าเปรียบเทียบถึงกายภาพขนาดนั้น ธาตุลม (2 ดาบ) น่าจะเข้ากันได้ไม่ยาก แต่ทำไมถึงสามารถแปลในด้านลบได้ล่ะ น่าจะมีความหมายลึกๆซ่อนอยู่ แต่โดยส่วนตัวไพ่ 2 ดาบคือเริ่มมีปัญหา แต่ยังหาทางแก้ไม่ได้มากกว่า ยังไม่ถึงกับขัดแย้ง เพราะปัญหายังอยู่ที่ตัวคนใดคนหนึ่ง
  • หมายเลข 3
    • ที่น่าสนใจคือการแปลว่าความสำเร็จก็ได้ ทั้งๆที่มันยังเป็นเลขต้นๆ ซึ่งอาจจะหมายถึงความสำเร็จขั้นต้นก็เป็นได้
  • หมายเลข 4
    • ความมั่นคง การหยุดนิ่ง ซึ่งไพ่ที่น่าสนใจคือ 4 ไม้เท้า เพราะไพ่ความหมายค่อนข้างดี แต่พอไปจับ6pกับเรื่องอื่น ดันไม่ได้ส่งเสริมให้เรื่องราวมันดีขึ้น เพราะมันนิ่ง
  • หมายเลข 5
    • คือความพ่ายแพ้ ซึ่งตรงตัวกับไพ่ทุกใบ ที่น่าสนใจคือ 5 ดาบ ซึ่งไม่ได้มีการเจาะจงว่าผู้แพ้คือใครในภาพกันแน่ เพราะแบบนี้หรือเปล่าอาจารย์ท่านจึงไม่ได้ให้อ่านภาพก่อนเพราะจะทำให้สับสน
  • หมายเลข 6
    • อันนี้มีทั้งเข้าใจมากขึ้น และงงมากขึ้นในเวลาเดียวกัน เพราะที่ให้ความหมายคือ ความสำเร็จที่เกิดจากการให้ความสำคัญมาเป็นเวลานาน ที่งงสุดๆคงเป็น 6 เหรียญ ซึ่งภาพก็ไม่ได้สื่ออะไรที่ชัดเจน
      จริงอยู่ที่ 6 คือความสำเร็จที่ได้จากการพยายาม แต่เรื่องเวลามันมีความสำคัญขนาดนั้นหรือเปล่า
  • หมายเลข 7
    • ยิ่งงงกว่าหมายเลข 6 โดยเฉพาะ 7 ถ้วย โดยปกติ เลข 7 ในตำราต่างประเทศจะเป็นเลขที่แย่มาก บ่งบอกถึงอุปสรรค ความไม่แน่นอน ความเบี่ยงเบน แทบจะเป็นเลขที่แย่ที่สุด ซึ่งที่ได้เรียนมากลับกลาย7c thothเป็นการทำงาน การแข่งขัน การลงมือปฏิบัติ ซึ่งความหมายไพ่เป็นบวกมากแทบทุกใบ (ใน Thoth นี่ เน่าแทบทุกใบโดยเฉพาะ 7 ถ้วย)
  • หมายเลข 8
    • หมายถึงการขยับขยายเติบโตในแง่ของธาตุ แต่ว่าการขยับขยายควรมีความเคลื่อนไหว ซึ่งไม่มีใน เหรียญ ถ้วย และดาบ ทุกอย่างดูนิ่งมากๆ จนคิดว่า การขยายคือขยายความมั่นคงจาก 4 มาเป็น 8 หรือเปล่า คือมั่นคงยิ่งขึ้น
  • หมายเลข 9
    • หมายถึงการหยุดพัก การสิ้นกำลัง อันนี้เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ และยังขยายความสิ่งที่เคยรู้มาคือ เป็นเลขที่บ่งบอกถึงเรื่องราวที่ใกล้จะจบแล้ว ทุกอย่างอยู่ในสภาวะนิ่ง เพื่อรอให้ทุกอย่างมันจบ
  • หมายเลข 10
    • หมายถึงจุดสิ้นสุด อันนี้ก็ตรงกับที่เคยเรียนรู้มา แต่ที่เพิ่มเติมคือ สามารถบอกได้ว่า เป็นการพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่ได้อีกด้วย

โดยรวมแล้ว ได้ความหมายใหม่ๆมาค่อนข้างเยอะ และเข้าใจไพ่มากขึ้น แต่ก็มีบางอย่างที่ขัดกับสิ่งที่รู้มา เช่น เลข 6 และ 7 แต่อย่างไรก็ตาม ก็เป็นอีกมุมมองนึงที่น่าสนใจ

ส่วนเรื่องของ Court Card มีเรื่องที่น่าสนใจมากๆคือ

  • เรื่องของเพศของเจ้าชะตา กับเพศในไพ่ที่ปรากฏ
    • สำหรับ Queen ถ้าเจ้าชะตาเป็น หญิง ความหมายจะเป็นในเชิงบวก ถ้าเป็ยชาย ความหมายจะเป็นในเชิงลบ ประมาณว่า โดนดูถูกดูแคลน หรือความสามารถไม่ถึง
    • สำหรับ King ถ้าเจ้าชะตาเป็น หญิง ความหมายจะเป็นในเชิงลบนิดหน่อย ประมาณว่า ทำเกินหน้าที่ หน้าที่หนักเกินไป แต่ถ้าเป็นชาย ความหมายก็จะเป็นในเชิงบวก
  • ส่วนเรื่องอื่นๆก็คล้ายๆกับสิ่งที่รู้มา

จบในส่วนของ Part 2 ใน Part สุดท้าย จะเขียนถึงการอ่านไพ่ ซึ่งได้เจอมุมมองใหม่ๆที่น่าสนใจอยู่เยอะเลยทีเดียว (แม้ว่าบางอย่างจะขัดกับความรู้สึกก็ตาม)

Part อื่นๆ

Seminar : ZTAROT Part 1/3

เมื่อวันที่ 27 ที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปเข้า สัมมนาไพ่ทาโรต์ภาคพยากรณ์สู่ระดับมืออาชีพ รุ่นที่ 2 ที่จัดโดย ชมรมไพ่ทาโรต์และฮวงจุ้ย (ZTAROT) โดยผู้สอนคือ อาจารย์พรหมพจน์ วิบูลเตโชกิตติ์ (ซินแสซี)

โดยรวมของการสัมมนาในครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดมุมมองอะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับไพ่ Tarot โดยเฉพาะเรื่อง Numerology และความหมายต่างๆในเฉิงลึกของไพ่แต่ละใบ โดยการเขียนครั้งนี้ อาจจะต้องแยกเป็นหลายตอนหน่อย เพราะมีเรื่องที่น่าสนใจเยอะทีเดียว

เริ่มต้นด้วยการอธิบายความโครงสร้างของไพ่และตัวเลขแต่ละตัว ตั้งแต่ 0-9 ของไพ่ Major กันก่อนละกัน

สิ่งที่น่าสนใจในหัวข้อนี้คือ

  • ไพ่ที่มีโครงสร้างหมายเลข 0
    • นอกจาก Fool แล้ว ยังรวมถึง Wheel และ Judgement อีกด้วย ซึ่งหมายถึงการไม่มีอะไร การเริ่มใหม่ และการสิ้นสุด ซึ่งทั้งหมดนี้ ลงท้ายด้วย 0
  • ไพ่ที่มีโครงสร้างหมายเลข 1
    • กล่าวถึงการเริ่มต้น ซึ่งที่น่าสงสัยคือ ไม่เคยคิดเลยว่า Magician หมายถึงการเริ่มต้น เพราะปกติจะคิดถึงคนที่มีความสามารถ ชอบแสดงออก จะว่าเป็นเพราะดาวพุธก็ไม่น่าจะใช่ เรื่องนี้คงต้องไปลองศึกษาเพิ่มดู

      HighPriestess.jpg

      เธอมีพันธะอะไรหรือเปล่านะ ??

  • ไพ่ที่มีโครงสร้างหมายเลข 2
    • เป็นเลขแห่งพันธะ ซึ่ง Justice และ Judgement  ต่างก็มีพันธะในเรื่องของผมของการกระทำ
    • แต่
       ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับพันธะอย่างไร และไพ่ใบนี้เป็นไพ่ที่มีปัญหามากเวลาทาย คือแปลไม่ถูก มักจะอ้างอิงกับคนที่เป็นผู้หญิงซะส่วนใหญ่ แต่อาจารย์ได้ให้หลักการไว้ประมาณว่า เป็นความลับ ความไม่รู้ สิ่งที่ปิดบัง มีสิ่งที่หลบซ่อนอยู่ พูดง่ายๆคือถ้าเจอไพ่ใบนี้แปลว่า ยังอาจจะหาคำตอบไม่ได้ หรือมีความลับซ่อนอยู่ ซึ่งเป็นหลักการที่ทำให้เข้าใจอะไรขึ้นเยอะเลย
  • ไพ่ที่มีโครงสร้างหมายเลข 3
    • คือการวิวัฒนาการ ถ้ามอง Empress กับ World ก็ง่ายหน่อยเพราะมันเห็นภาพ แต่อย่าง Hangman (เบอร์ 12) ได้ให้หลักการไว้ว่าเป็นเรื่องสมมติ เรื่องไม่จริง เรื่องมโน เพราะได้รับผลมาจากดาวเนปจูน จะเกี่ยวข้องกับการพัฒนาการ หรือความสำเร็จได้ยังไงนะ หรือว่าจะเป็นการทรมาน หรือทำร้ายตนเองด้วยความคิด จนเข้าใจในสิ่งต่างๆ เหมือนการบำเพ็ญทุกรกิริยา
  • ไพ่ที่มีโครงสร้างหมายเลข 4
    • ความมั่นคงและแน่นอน ซึ่งทั้ง Emperor แล้ว ยังมี Death รู้สึกได้แบบนั้น เป็นแนวคิดที่รู้สึกทำให้เข้าใจไพ่มากขึ้น

      Temperance.jpg

      สายกลาง….

  • ไพ่ที่มีโครงสร้างหมายเลข 5
    • อันนี้ตามตำราหมายถึงการดำรงอยู่ทางสายกลาง
    • อืมมม… Temperance (เบอร์ 14) โดยปกติเราจะคิดว่ามันคือการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ได้พบในสิ่งที่ดีกว่า ใหม่กว่า แต่เพราะเป็นไพ่ที่มีโครงสร้างที่เดียวกับ Hierophant ความหมายจึงต้องคล้ายๆกัน คือการเปลี่ยนแปลงเพื่อเข้าสู่สมดุล หรือจนกว่าจะเข้ากันได้ (สายกลาง) อีกครั้ง
  • ไพ่ที่มีโครงสร้างหมายเลข 6
    • Lover กับ Devil ซึ่งน่าประหลาดใจมากที่ไพ่ 2 ใบนี้อยู่ในโครงสร้างเลขเดียวกัน ซึงกล่าวถึงความชอบและความลุ่มหลงได้เหมือนกัน
  • ไพ่ที่มีโครงสร้างหมายเลข 7
    • Chariot และ Tower มีพลังถึงความเคลื่อนไหว การที่ต้องต่อสู้เพื่อความมั่นคง ซึ่งทั้งสองใบเป็นอะไรที่สามารถสื่อในทางเดียวกันได้ แม้ว่ามันจะเป็นไพ่จากราศีกรกฎ และ ดาวอังคารก็ตาม (ทั้งสองไม่น่าเข้ากันได้ในแง่ของความหมายและธาตุ)
  • ไพ่ที่มีโครงสร้างหมายเลข 8
    star.jpg

    แผ่ขยาย

    • เป็นการแผ่ขยายให้ยิ่งใหญ่ ซึ่งยิ่งดูก็ค่อนข้างสับสน ในส่วนของ Strength อาจจะเป็นการขยายความสำเร็จในใจที่สามารถควบคุมสิ่งรอบข้าง หรือสิ่งที่กลัวได้ ส่วน Star คือมีความหวัง (แล้วมันแผ่ขยายยังไงนะ) ซึ่งตรงนี้คงต้องศึกษาตำราอื่นๆเพิ่มเติม
  • ไพ่ที่มีโครงสร้างหมายเลข 9
    • เป็นความเสื่อมสภาพ และความเดียวดาย ซึ่ง Moon ค่อนข้างชัด แต่ถ้าให้ Hermit แสดงถึงความแก่ ความชรา ความหมดแรง ก็อาจจะขัดจากที่ศีกษามาว่า Hermit คือผู้ที่เรียนรู้จนแตกฉาน รู้ถึงแก่นแล้วถึงจุดยอดของศาสตร์นั้น และที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวนั้น คือไม่สุงสิงกับใคร แต่เป็นการรอให้คนอื่นเข้ามาหามาเข้าใจมากกว่า ซึ่งเป็นอีกความหมายนึงที่น่าสนใจ

 

 

สำหรับใน Part 1 ก็คงจะประมาณนี้ ใน Part ถัดไปจะเป็นในส่วนของ Minor และ Court Card และอาจจะมี Part สุดท้ายเพื่อสรุปอีกทีหนึ่ง อย่างไรก็ลองติดตามกันดูนะครับ

Case Study : Ten of Wands

ทายสามีภรรยาให้ราคี ทายชีวิตวิบัติตัดชันษา ทายคุณโทษทารกทาริกา เรียนโหราครูห้ามการทำนาย

อดีตเขากล่าวกันอย่างไร ปัจจุบันก็ยังใช้ได้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นหมอดูจริงๆ หรือเป็น Tarot Reader เรื่องความรักของสามีภรรยา เรื่องลูกเต้า โดยเฉพาะเรื่องความตายก็คงยังเป็นสิ่งที่ไม่ควรทาย หรือรับดวงใครที่ป่วยหรือที่มีปัญหาหนักๆมาดูอยู่ดี

Case นี้เป็นน้องที่ทำงาน มาถามเกี่ยวกับคุณตา ที่ตอนนี้ป่วยอยู่ว่าจะเป็นอย่างไร จริงๆแล้วจับไปได้ 3 ใบแต่ไพ่ที่เด่นที่สุดคือไพ่ 10 ไม้เท้า

10w.jpg

ความคิดแรกที่เห็นเลยคือ มีภาระเยอะมาก หนักสุดๆ กำลังจะหมดแรงแล้ว ไม่รู้ว่าจะวางเมื่อไหร่ดี ปกติไพ่ใบนี้ไม่ได้เป็นลบซะทีเดียว จะเป็นอารมณ์แค่รู้สึกเหนื่อย รู้สึกหนักใจ แต่พอมาเป็นเรื่องสุขภาพ ยิ่งเป็นของคนที่ล้มหมอนนอนเสื่อด้วยแล้ว ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เหมือนอาการโค่มาสุดๆ

เลข 10 แสดงถึงจุดสิ้นสุด จุดสุดท้าย พลังของไฟได้หมดสิ้นแล้ว ไม่มีแรงกระตุ้นที่จะไปต่อ รวมถึงหมดแรงทั้งกายและใจ

ในทางดาราศาสตร์ ยังเป็นดาวเสาร์ในราศีธนู นั่นคือ ความหวัง ความก้าวหน้า หรือการฟื้นตัวถูกปิด ถูกจำกัด ถูกขวางด้วยพลังดาวเสาร์ ยิ่งทำให้ไพ่ใบนี้ดูลบสุดๆ

ที่อ่านไปตอนนั้นคือ เริ่มหมดแรงแล้ว เริ่มที่จะสู้ไม่ไหว แต่ในตอนนั้นยังมีไพ่ข้างเคียงที่ยังพอปรับให้มันเป็นบวกไปได้ ก็แนะนำและให้กำลังใจกันไป

แต่สุดท้ายแล้วเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดก็เกิดขึ้น คนที่เสียใจที่สุดคงหนีไม่พ้นเจ้าตัว แต่คนที่เสียใจไม่พ้นกันก็คือคนที่เปิดไพ่ให้เจ้าตัว อาจจะเป็นเพราะแบบนี้ที่คนโบราณว่าไว้ว่า อย่างทำนายเรื่องชีวิต ว่าจะอยู่ต่อได้เท่าไหร่ จะรอดไหม เพราะสุดท้ายแล้ว ถ้าเหตุนั้นมันเกิด คนที่ทุกข์ใจก็หนีไม่พ้นคนที่พูดไปอยู่ดี

ครั้งนี้จึงเป็นบทเรียนที่สำคัญมากๆว่า เรื่องที่ค่อนข้างเปราะบางนั้น อย่ารับดูเลยดีกว่า โดยเฉพาะเรื่องความเป็นความตายแบบนี้ สุดท้ายนี้ก็ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับน้องคนนั้นด้วยแล้วกับครับ

Case Study : The Tower

เมื่อวันก่อนได้เปิดไพ่ให้น้องคนนึง โดยใช้วิธีการทำนายใหม่ ซึ่งใช้วิธีหยิบๆจากหลายๆสำนักเข้าด้วยกัน โดยวิธีคร่าวๆมีดังนี้

  1. ให้ผู้ที่มาดู สับไพ่ เท่าไหร่ก็ได้ แล้วก็ตัดไพ่ ตามปกติ โดยระหว่างที่สับนั้น ให้ทำใจให้โล่งๆเป็นสมาธิ
  2. จากนั้นเราก็กรีดไพ่เป็นครึ่งวงกลม
  3. ให้ผู้มาดูคิดคำถามในใจ สำหรับจำนวนไพ่ที่จะหยิบต่อคำถาม ก็แล้วแต่ความเหมาะสม ครั้งแรกอาจจะ 3 ใบ แล้วหลังจากนั้นถ้าต้องการขยายความก็ให้หยิบเพิ่มครั้งละ 1-2 ใบ
  4. แต่ถ้าไม่มีคำถาม (ซึ่งพบบ่อยมากกกก) ก็จะดูแบบเรื่องทั่วไป ก็ให้หยิบไพ่ 4 ใบ
    1. ใบที่ 1 ธาตุไฟ : เกี่ยวกับโปรเจค หรือโครงการ งานที่จะเริ่มเร็วๆนี้ หรือไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์ที่กำลังจะเกิดขึ้น
    2. ใบที่ 2 ธาตุน้ำ : เกี่ยวกับความรัก ครอบครัว อารมณ์
    3. ใบที่ 3 ธาตุลม : ปัญหา อุปสรรค การสื่อสาร
    4. ใบที่ 4 ธาตุดิน : เงิน บ้าน ที่อยู่ ทรัพย์สิน

 

ซึ่งเหตุการณ์ที่ยกตัวอย่างมาวันนี้ คือ ตำแหน่งไพ่ใบที่ 4 ธาตุดิน ได้ The Tower โดยการแปลที่ออกมาได้ดังนี้tower

  • คาดว่าน่าจะมีการปรับปรุง สร้างบ้าน ย้ายบ้าน
  • มีเหุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นกระทันหัน จนทำให้ไม่สามารถดำเนินการเกี่ยวกับบ้านได้ต่อ
  • มีปัญหาเรื่องเงิน เช่น ต้องใช้เงินฉุกเฉิน (แต่คิดว่าไม่น่าใช่ เพราะถึงธาตุดินจะสื่อถึงเงิน แต่ภาพเป็นอาคาร น่าจะเป็นบ้านมากกว่า)

สรุปคือสิ่งที่เกิดขึ้นคือ กำลังปรับปรุงบ้าน แต่ช่างที่ทำนั้นไม่สามารถทำต่อได้ ด้วยเหตุผลทางกฎหมาย ซึ่งตรงกับที่คิดเอาไว้ครั้งแรก

 

 

หลังจากที่ดูไป วันนี้น้องมาบอกว่าเกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้น คือ กุญแจบ้านหาย (วัตถุ,กระทันหัน) ประสบอุบัติเหตุที่เกิดจากรถยนต์ (วัตถุ,กระทันหัน) และเรื่องอื่นๆที่เกิดขึ้นที่บ้าน ซึ่งจริงๆแล้วไม่ได้พูดไว้ เนื่องจากตอนดูนั้น ได้ Focus ไปที่ปัญหาเรื่องบ้านมากกว่า

สิ่งที่น่าสนใจจาก The Tower

  • Tower เป็นไพ่ประจำ ดาวอังคาร แสดงถึงพลัง แสดงว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อคนที่มาดู
  • เนื่องจากอยู่ในตำแหน่งธาตุดิน สิ่งที่ได้รับผลกระทบอาจจะเป็น บ้าน เงิน ที่ดิน แม้แต่ตัวเขาเอง
  • โดยปกติ Tower แปลได้ถึงการกวาดล้าง คือโละของเก่า และสร้างของใหม่ขึ้นมาแทนที่

Tarot Reading : Forex Trading

วันนี้มาแปลกนิดนึง เนื่องจากช่วงนี้ให้ความสำคัญกับการหาเงินมาก ก็เลยอยากได้ความมั่นใจ โดยการเปิดไพ่ดูว่า สิ่งที่เราทำอยู่ตอนนี้เป็นอย่างไร ก็จับไพ่ได้มาประมาณนี้ (ไม่มี Spread อะไรเลย จับ 3 ใบอย่างเดียว)

00 Full Read 1

Q : คำถามแรกถามไปว่า การเทรด Forex ของเราจะเป็นอย่างไร (ชุดบน)
  • เห็นครั้งแรกแล้วรู้สึกเจ็บจี๊ดมาก เหมือนกำลังบอกว่า ตอนนี้ยังไม่พอใจกับผลลัพท์ที่ได้ พูดไปก็เหมือนแทงใจดำ เพราะไพ่ใบที่สองก็บอกอยู่แล้วว่า สงครามนี้มีทั้งแพ้ทั้งชนะ แต่พอมองลึกลงไป ก็รู้สึกได้ว่า ความเจ็บ และความล้มเหลวนี้แหละ ที่จะทำให้สามารถชนะตลาดนี้ได้ ดูจาก 3 ดาบที่ใบแรก และ 3 ดาบบนมือของใบที่สอง เหมือนไพ่บอกว่า ให้นำความผิดพลากนั้นแหละ มาใช้ มองความผิดพลาดของคนอื่น แล้วทำมาใช้พัฒนาตัวเองให้แกร่งขึ้น อาจจะผิดหวัง ล้างพอร์ทบ้าง แต่นั่นเป็นเรื่องธรรมดา ใบที่สามเหมือนจะบอกว่า เรากำลังก้าวเดิน เริ่มต้น สิ่งที่จำเป็นในตอนนี้คือการคุมอารมณ์ อย่าเริ่งรีบจนเกินไป
  • เมื่อดูจากในภาพแล้ว จะเป็นได้ว่าไพ่ 3 ดาบมีเมฆดำอยู่ด้านหลัง แต่ของ 5 ดาบเมฆเริ่มโดนพัดปลิวไป ความรู้สึกคิดว่าไพ่สองใบนี้เชื่อมต่อกัน โดย 5 ดาบเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลัง 3 ดาบ และคนที่ 5 ดาบ ถือดาบไว้เพียง 3 เล่ม ซึ่ง 3 เล่มนี้น่าจะมาจากใบ 3 ดาบ หากพูดเป็นภาษาง่ายๆก็คือ สิ่งที่จะสามารถทำให้เราผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายได้ คือการนำความผิดพลาดในอดีตมาใช้ ทิ้งแนวคิดบางอย่างไปบ้าง ใช้เท่าที่จำเป็น แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น
  • สิ่งที่น่าสนใจของชุดแรกคือ ถ้าเป็นไพ่ Thoth คงไม่สามารถมองในแง่บวกได้แน่ๆ เพราะภาพมันติดลบสุดๆ ทั้งเสียใจและพ่ายแพ้ แต่ถ้ามองดีๆ ดาบคือความคิด นั่นแปลว่าสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้คือความคิดยังเป็นลบ 3 ดาบคือการยึดติดกับหลักการที่เคยรู้มา และความคิดนั้นค่อนข้างฝังใจ และ 5 ดาบคือยึดติดกับสิ่งที่คิด สิ่งที่อยากให้เป็น คิดเข้าข้างตัวเอง สรุปคือทุกอย่างที่เป็นปัญหาคือการยึดติดกับความคิดของตัวเอง เพราะฉะนั้น ทางที่ดีความจะปล่อยความคิดให้ได้ยืดหยุ่นบ้าง เหมือนไพ่ 5 ดาบของ RWS ที่ทิ้งดาบบางเล่มไป
  • ธาตุลมของชุดนี้ Strong มากจริงๆ
  • ไพ่ 3 ดาบเป็นไพ่ดาวเสาร์ในราศีตุลล์ เหมือนกับตอนนี้เราพยายามจะตีกรอบความคิดเกี่ยวกับการเทรดว่าตอนนี้ อะไรที่ถูก และอะไรที่ work ซึ่งการทำแบบนี้ทำให้เครียดและหมกมุ่น และยังไม่ยืดหยุ่นอีกต่างหาก
  • ไพ่ 5 ดาบเป็นดาวศุกร์ในราศีกุมภ์ คือใจนึงก็อยากลัลล้า ไม่มีภาระ แต่อีกใจนึงก็ต้องการเปลี่ยนแปลง ความแปลกใหม่ ชีวิตที่ดีกว่าเดิม ซึ่งต้องจูนเข้าหากันให้ได้ แต่เนื่องจากสองอย่างนี้มันต่างกันสุดๆ การปรับเข้าหากันจึงจะต้องมีฝั่งใดฝั่งหนึ่งลดทอนกำลังของตัวเองลง เช่น ลดความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลง หรือลดความไร้สาระลงบ้าง
  • ไพ่ Knight of Cup เกือบจะไม่มีบทบาท แต่จริงๆแล้วคิดว่าเป็นไพ่ใบสำคัญที่กล่าวถึงเรื่องการควบคุมอารมณ์และสถานะปัจจุบัน โดยตอนนี้เหมือนเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ให้ควบคุมอารมณ์ให้ดี อย่าฟุ้งซ่านง่ายๆ
  • ไพ่ Knight of Cup ของ RWS เป็นธาตุไฟ ถ้วยเป็นธาตุน้ำ เพราะฉะนั้น สองธาตุที่ต่างกันสุดขั้วขนาดนนี้มาอยู่ด้วยกันต้องระมัดระวังให้มาก

Q : จะเป็นอย่างไรถ้าเทรดแบบ Scalping (ชุดซ้าย) มีคำแนะนำอะไรไหม (ใบเดียวด้านล่าง)

  • เมื่อดูจากไพ่แล้วรู้สึกได้ว่า น่าจะเอาดีด้านนี้ได้ แต่ว่าการเป็น Scalper ที่ดีนั้น จะต้องตัดสินใจเด็ดขาด (ต้องคิดมาดีแล้วด้วยนะ) ต้องกล้าตัดสินใจ และจะให้ดี จะต้องรู้ซึ้งถึงวิธีการเป็นอย่างดี ถ้าทำสิ่งเหล่านี้ได้ก็จะประสบความสำเร็จ (10 เหรียญเลยนะ)
  • ไพ่ 10 เหรียญเป็นไพ่ที่น่าสนใจตรงที่ว่า เป็นไพ่ให้คำแนะนำ หรือ ไพ่ผลลัพธ์กันแน่?? ถ้ามองในมุมไพ่แนะนำคือ ทุนต้องหนาหน่อยนะ ต้องมีพร้อมนิดนึง มั้งทรัพย์และเวลาที่ต้องนั่งคอม ถ้านแง่ผลลัพธ์ก็สำเร็จนั่นแหละ รายได้เยอะจนนั่งเล่นกับหมาอยู่บ้านได้
  • ไพ่แนะนำคือ 4 เหรียญ ความรู้สึกที่เห็นคือ คงต้องนั่งเทรดหน้าคอมทั้งวัน ต้องงกเข้าไว้ แต่อีกมุมคือ ต้องรักษาทุนไว้ให้ดีๆ เพราะการเป็น Scalper มันมาเร็วไปเร็ว
  • จุดที่น่าสนใจคือ 10 เหรียญกับ 4 เหรียญ คือลักษณะเป็นท่านั่ง และนั่งแบบรากงอกซะด้วย แบบไปไหนไม่ได้ แม้ว่า 10 เหรียญเป็นไพ่ดี แต่ก็ยังนั่งอยู่กับบ้าน ออกไปไหมไม่ได้ ต้องรับผิดชอบการเทรด ส่วนไพ่ 4 เหรียญคือ ถึงได้ออกไปไหน ก็ยังต้องมานั่งพะวงกับทางเทรดอยู่ดี
  • โดยสรุปแล้ว การเทรดแบบ Scalper มีโอากาสทำให้รวยและประสบความสำเร็จได้ แต่ก็อาจจะต้องแลกกับการมานั่งเฝ้าจอคอมทั้งวัน

Q : จะเป็นอย่างไรถ้าเทรดแบบ Swing หรือ Long term (ชุดซ้าย) มีคำแนะนำอะไรไหม (ใบเดียวด้านล่าง)

  • ชุดที่สองดูแล้วก็มีแนวโน้วที่จะประสบความสำเร็จเหมือนกัน แต่มาสะดุดก็ตรง Tower นี่แหละ ดูภาพรวมก่อนจะได้ว่าน่าจะประสบความสำเร็จในแบบพอดีๆ ไม่หวือหวา แต่อาจจะมีการล้างพอร์ตไปก่อน แต่การล้างครั้งนี้ไม่ได้ล้างแค่เงิน แต่เป็นการล้างความคิดในการเทรดมาทั้งหมด ซึ่งหลังจากการล้างแล้ว น่าจะทำให้อะไรๆดีขึ้น ผลกำไรงอกเงยในขณะที่ตัวเองไปเที่ยวได้ ถือเป็นสัญญาณที่ดี แต่ต้องเจ็บมาก่อน โดยส่วนตัวคิดว่าไพ่ผลลัพธ์คือ Empress ดูได้จากทุ่งข้าวสาลีบานสะพรั่ง แล้วรู้สึกเหมือนเป็นเทพแห่งการเทรด พร้อมเก็บเกี่ยว และดูแล้ววิธีการเทรดนั้นเครียดน้อยกว่าการเป็น Scalper เยอะเลย ฝั่งนี้เหมือนนั่งเฉยๆ รอกำไรเข้ามาตัว
  • ไพ่ Tower เป็นไพ่ที่น่าสนใจมาก เพราะเป็นไพ่ติดลบสุดๆ หมายถึงการทำลาย กวาดล้าง ก่อนที่จะมีอะไรใหม่ขึ้นมา พูดง่ายๆคือ โละของเก่าเตรียมสร้างของใหม่ ซึ่งในที่นี้สามารถสื่อถึงได้หลายอย่างเช่น เงิน ความคิด แนวคิด
  • ไพ่ 3 ถ้วย นอกจากจะเป็นไพ่ดีแล้ว ยังสามารถเป็นไพ่เตือนได้อีกด้วยว่า ถึงแม้ว่ากำไรจะงอกเงยก็อย่าลัลล้าจะลืมกลับมาเก็บกำไร ลัลล้ามากเกินไปกลับมาอีกทีขาดทุนแล้วจะหาว่าไม่เตือน
  • ไพ่คำแนะนำคือ 5 ถ้วย พอมองไพ่รู้เลยว่าไพ่ใบนี้เชื่อมกับ Tower เพราะการเทรดไม่มีคำว่ากำไรตลอดเวลา เพราะฉะนั้น การเทรดแบบนี้อาจจะเจอ loss มากกว่า win แต่สุดท้ายแล้วก็ยังกำไรอยู่ดี (ดูจาก 2 ถ้วยที่ยังตั้งอยู่) เพราะฉะนั้น สิ่งที่ดีที่สุดในการเทรดแบบนี้คือยอมรับการขาดทุน (ที่นิดเดียว) ให้ได้ เพราะสุดท้ายแล้ว การเทรดแบบนี้คือการเทรดเพื่อให้ได้กำไร ไม่ใช่ให้ถูกต้อง

 

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่จับไพ่เยอะ และนำลงมาเขียนอย่างจริงๆจังๆ รู้สึกว่าความคิดมันไหลออกมาเรื่อยๆเลย มีบ้งที่ติดขัด แต่พอเห็นความเชื่อมโยงแล้ว มันก็เขียนได้ลื่นมากๆ

แต่สุดท้ายแล้ว ก็ยังตัดสินใจไม่ได้อยู่ดีว่าจะเลือกแบบไหนดี จริงๆไพ่ชุดนี้จับตั้งแต่เมื่อเช้า และตอนเช้าก็ค่อนข้างแน่ใจว่าจะเลือกแบบ Scalper เพราะเห็น 10 เหรียญ แต่พอลองมาพิมพ์และมองลึกลงแต่ละใบก็รู้สึกว่า มันก็ดีกันคนละแบบ สุดท้ายแล้วก็สำเร็จทั้งคู่ ซึ่งในใจก็คิดว่า คงต้องลองทั้งสองแบบ แล้วแบบไหนเข้ากับตัวเองที่สุด ก็คงเลือกแบบนั้นไป

การจับไพ่แบบนั้นก็สนุกไปอีกแบบ คราวหน้าจะต้องหาคำถามแล้วลองเปิดไพ่แบบนี้ดูบ้างซะแล้ว